ความนำ
พรรคการเมืองในรูปสมัยใหม่
เริ่มเกิดขึ้นและมีวิวัฒนาการที่แท้จริงเพียงร้อยกว่าปีมานี้เอง อย่างไรก็ดี ก่อนปี ค.ศ. 1850 ประชาชนยุโรปหลายประเทศ เช่น
อังกฤษ ก็ได้มีแนวโน้มในการรวมกลุ่มกันเป็นสมาคม
และสโมสรที่เกี่ยวกับการเมือง เช่น สมาคมปรัชญา สมาคมผู้แทนราษฎรตาง ๆ
อยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีลักษณะเป็นพรรคการเมืองตามความหมายในปัจจุบันซึ่งสมาคมต่าง
ๆ เหล่านี้ได้มีการวิวัฒนาการของพรรคการเมืองต่อมา
กำเนิดของพรรคการเมือง
เป็นการยากที่จะกล่าวว่าพรรคการเมืองเกิดขึ้นอย่างไร
เพราะมีผู้ให้ทัศนะในเรื่องกำเนิดของพรรคการเมืองไว้ต่าง ๆ
กันซึ่งแต่ละท่านก็ได้อ้างเหตุผลต่าง ๆ มาสนับสนุนทฤษฎีของตนจึงยากที่จะหาข้อยุติได้ อย่างไรก็ดี
มีข้อเขียนของนักรัฐศาสตร์ที่กล่าวถึงกำเนิดของพรรคการเมืองที่น่ารับฟังอยู่หลายท่าน
คือ
ศาสตราจารย์
Avery Leiseron ได้กล่าวถึงกำเนิดของพรรคการเมืองในหนังสือของท่านชื่อ
“Parties and Politics” โดยรวมทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองไว้
4 ทฤษฎี คือ
1.1 ทฤษฎีจิตวิทยา (Psychological
Theories) ทฤษฎีนี้เชื่อว่าพรรคการเมืองเกิดจากข้อแตกต่างของจิตมนุษย์ ผู้ให้ทฤษฎีนี้เชื่อว่ามนุษย์เราแบ่งออกเป็น 2
พวกใหญ่ ๆ คือพวกที่ชอบอยู่คงที่หรืออนุรักษ์นิยม
(Conservatives) กับพวกที่ยอมรับและยินดีกับการเปลี่ยนแปลง
(Optimists) และมองโลกในแง่ร้าย (Pessimists)
โดยข้อสมมติฐานทางจิตวิทยานี้ จึงทำให้เกิดพรรคการเมืองที่มีแนวความคิดต่าง ๆ กัน
4ประเภท คือ (1) พวกหัวเก่า (Conservatives) (2)
พวกหัวสมัยใหม่ (Liberals) (3) พวกหัวปฏิวัติ (Revolutionaries) (4) พวกหัวปฏิกิริยา (Reactionaries)
พวกหัวเก่า เป็นพวกที่มองโลกในแง่ดี แต่ติดอยู่กับที่หรือคงสภาพเดิม คือถือว่าปัจจุบันดีอยู่แล้ว
และสภาพความเป็นไปในอดีตเป็นที่น่าพอใจแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง
พวกหัวสมัยใหม่ (เสรีนิยม) เป็นพวกมองโลกในแง่ดี และยินดีให้มีการเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น เพราะถือว่าการเปลี่ยนแปลงนำไปสู้ความก้าวหน้า
ผู้มีทัศคติทางเสรีนิยมจึงมักเป็นผู้เห็นคุณค่าของการศึกษา เปิดโอกาสให้มีการพูด
การแสดงทัศนะต่าง ๆ โดยเสรี
พวกหัวปฏิวัติ เป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย จึงอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลงโดยวิธีการค่อยเป็นค่อยไปแบบพวกเสรีนิยมนั้นไม่ทันใจ
เพราะพวกปฏิวัติมีความคุกกรุ่นไม่พอใจบางอย่างรุนแรง
จึงชอบใช้วิธีการปัจจุบันทันด่วน (ปฏิวัติ) เพื่อให้ได้ประจักษ์ผลโดยรวดเร็ว
พวกหัวปฏิกิริยา เป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย และมีความคิดคำนึงถึงอดีต โดยเห็นว่า
อดีตดีกว่าปัจจุบันจึงพยายามย้อมกลับไปตำรงชีวิตอย่างที่เคยเป็นมาในอดีตเก่าก่อน
1.2 ทฤษฎีทางเศรษฐกิจ (Socio-Economic Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและสังคม โดยมองพรรคการเมืองในรูปของผู้สนับสนุนพรรคการเมือง
หรือสมาชิกของพรรคการเมืองว่าจากชนชั้นใด ระดับการศึกษาสูงต่ำเพียงใด เพสใด วัยใด
รวมทั้งฐานะเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เป็นต้น ซึ่งการมองในด้านสังคมวิทยา
ทฤษฎีนี้จึงเชื่อว่าพรรคการเมืองมีรากฐานมาจากการรวมตัวของกลุ่มชนต่าง ๆ
ซึ่งมีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมเหมือนกัน และการรวมกันเป็นพรรคการเมืองก็เพื่อจะสนับสนุนหรือคุ้มครองผลประโยชน์ชองกลุ่มของตน
เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นผู้นำและปกป้องชนชั้นกรรมาชีพ พรรคทอรี่
(พรรคคอนเซอร์เวตีฟของอังกฤษปัจจุบัน)
ก็ถือว่ากันว่าเป็นพวกตัวแทนของชนชั้นราชาที่ดิน พวกขุนนาง เป็นต้น
1.3 ทฤษฎีอุดมการณ์หรือหลักการ (Ideological
Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองกำเนิดขึ้นมาจากกลุ่มคนที่มีแนวความคิดหรืออุดมการณ์คล้าย
ๆ กัน ความคิดเห็นอันนี้อาจเป็นความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐ สังคม เศรษฐกิจ ศาสนาฯลฯ ก็ได้ เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ เป็นพรรคที่ยืดถือปรัชญาของมาร์กชิสม์
พรรคเลเบอร์ของอังกฤษ ยึดถืออุดมการณ์ของสังคมนิยม เป็นต้น
1.4 ทฤษฎีทางการจัดองค์การ (Organizational Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองเกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้นำทางการเมืองขึ้นแล้ว และได้มีผู้นิยมหรือสนับสนุนผู้นำคนนั้นเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อมั่นในคุณวุฒิ วิชาความรู้ ความสามารถ ฯลฯ และโดยความนิยมในตัวบุคคลนี้จึงทำให้เกิดมีพรรคการเมืองขึ้น เพื่อจัดระเบียบการดำเนินงานและให้มีสายงานบังคับบัญชา ก็คือการจัดเป็นองค์การขึ้นนั่นเอง การเกิดขึ้น
1.3 ทฤษฎีอุดมการณ์หรือหลักการ (Ideological
Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองกำเนิดขึ้นมาจากกลุ่มคนที่มีแนวความคิดหรืออุดมการณ์คล้าย
ๆ กัน ความคิดเห็นอันนี้อาจเป็นความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐ สังคม เศรษฐกิจ ศาสนาฯลฯ ก็ได้ เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ เป็นพรรคที่ยืดถือปรัชญาของมาร์กชิสม์
พรรคเลเบอร์ของอังกฤษ ยึดถืออุดมการณ์ของสังคมนิยม เป็นต้น
1.4 ทฤษฎีทางการจัดองค์การ (Organizational Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองเกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้นำทางการเมืองขึ้นแล้ว และได้มีผู้นิยมหรือสนับสนุนผู้นำคนนั้นเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อมั่นในคุณวุฒิ วิชาความรู้ ความสามารถ ฯลฯ และโดยความนิยมในตัวบุคคลนี้จึงทำให้เกิดมีพรรคการเมืองขึ้น เพื่อจัดระเบียบการดำเนินงานและให้มีสายงานบังคับบัญชา ก็คือการจัดเป็นองค์การขึ้นนั่นเอง การเกิดขึ้น
ของพรรคในลักษณะนี้มักจะแตกสลายได้ง่ายเพราะเมื่อผู้นำสิ้นบารมีลงไป พรรคอาจเลิกล้มไป
พรรคการเมืองซึ่งเกิดขึ้นเพราะความนิยมในบุคลิกของหัวหรือผู้นำนี้ เช่น
การเมืองในประเทศไทย เป็นต้น[1]
ศาสตราจารย์
Maurice Duverger ชาวฝรั่งเศสเชื่อว่า พรรคการเมืองเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันทั้งในรัฐสภาพและนอกรัฐสภา
กล่าวคือ
[1]
รศ.วิทยา นภาศิริกุลกิจ, ดร. สุรพล ราชภัณฑารักษ์, พรรคการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์,
สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น