บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ความนำ


          พรรคการเมืองในรูปสมัยใหม่ เริ่มเกิดขึ้นและมีวิวัฒนาการที่แท้จริงเพียงร้อยกว่าปีมานี้เอง อย่างไรก็ดี  ก่อนปี ค.ศ. 1850 ประชาชนยุโรปหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ก็ได้มีแนวโน้มในการรวมกลุ่มกันเป็นสมาคม  และสโมสรที่เกี่ยวกับการเมือง เช่น สมาคมปรัชญา สมาคมผู้แทนราษฎรตาง ๆ อยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีลักษณะเป็นพรรคการเมืองตามความหมายในปัจจุบันซึ่งสมาคมต่าง ๆ เหล่านี้ได้มีการวิวัฒนาการของพรรคการเมืองต่อมา

กำเนิดของพรรคการเมือง

          เป็นการยากที่จะกล่าวว่าพรรคการเมืองเกิดขึ้นอย่างไร เพราะมีผู้ให้ทัศนะในเรื่องกำเนิดของพรรคการเมืองไว้ต่าง ๆ กันซึ่งแต่ละท่านก็ได้อ้างเหตุผลต่าง ๆ มาสนับสนุนทฤษฎีของตนจึงยากที่จะหาข้อยุติได้  อย่างไรก็ดี มีข้อเขียนของนักรัฐศาสตร์ที่กล่าวถึงกำเนิดของพรรคการเมืองที่น่ารับฟังอยู่หลายท่าน คือ
          ศาสตราจารย์ Avery Leiseron ได้กล่าวถึงกำเนิดของพรรคการเมืองในหนังสือของท่านชื่อ “Parties and Politics” โดยรวมทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองไว้ 4 ทฤษฎี คือ
          1.1 ทฤษฎีจิตวิทยา (Psychological Theories) ทฤษฎีนี้เชื่อว่าพรรคการเมืองเกิดจากข้อแตกต่างของจิตมนุษย์  ผู้ให้ทฤษฎีนี้เชื่อว่ามนุษย์เราแบ่งออกเป็น 2 พวกใหญ่ ๆ คือพวกที่ชอบอยู่คงที่หรืออนุรักษ์นิยม  (Conservatives) กับพวกที่ยอมรับและยินดีกับการเปลี่ยนแปลง (Optimists) และมองโลกในแง่ร้าย  (Pessimists) โดยข้อสมมติฐานทางจิตวิทยานี้ จึงทำให้เกิดพรรคการเมืองที่มีแนวความคิดต่าง ๆ กัน 4ประเภท คือ (1) พวกหัวเก่า (Conservatives) (2) พวกหัวสมัยใหม่ (Liberals) (3) พวกหัวปฏิวัติ (Revolutionaries) (4) พวกหัวปฏิกิริยา (Reactionaries)
พวกหัวเก่า เป็นพวกที่มองโลกในแง่ดี แต่ติดอยู่กับที่หรือคงสภาพเดิม คือถือว่าปัจจุบันดีอยู่แล้ว และสภาพความเป็นไปในอดีตเป็นที่น่าพอใจแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง
พวกหัวสมัยใหม่ (เสรีนิยม) เป็นพวกมองโลกในแง่ดี และยินดีให้มีการเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น เพราะถือว่าการเปลี่ยนแปลงนำไปสู้ความก้าวหน้า ผู้มีทัศคติทางเสรีนิยมจึงมักเป็นผู้เห็นคุณค่าของการศึกษา เปิดโอกาสให้มีการพูด การแสดงทัศนะต่าง ๆ โดยเสรี
พวกหัวปฏิวัติ เป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย จึงอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลงโดยวิธีการค่อยเป็นค่อยไปแบบพวกเสรีนิยมนั้นไม่ทันใจ เพราะพวกปฏิวัติมีความคุกกรุ่นไม่พอใจบางอย่างรุนแรง จึงชอบใช้วิธีการปัจจุบันทันด่วน (ปฏิวัติ) เพื่อให้ได้ประจักษ์ผลโดยรวดเร็ว
พวกหัวปฏิกิริยา เป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย และมีความคิดคำนึงถึงอดีต โดยเห็นว่า อดีตดีกว่าปัจจุบันจึงพยายามย้อมกลับไปตำรงชีวิตอย่างที่เคยเป็นมาในอดีตเก่าก่อน
1.2 ทฤษฎีทางเศรษฐกิจ (Socio-Economic Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและสังคม โดยมองพรรคการเมืองในรูปของผู้สนับสนุนพรรคการเมือง หรือสมาชิกของพรรคการเมืองว่าจากชนชั้นใด ระดับการศึกษาสูงต่ำเพียงใด เพสใด วัยใด รวมทั้งฐานะเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เป็นต้น ซึ่งการมองในด้านสังคมวิทยา ทฤษฎีนี้จึงเชื่อว่าพรรคการเมืองมีรากฐานมาจากการรวมตัวของกลุ่มชนต่าง ๆ ซึ่งมีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมเหมือนกัน และการรวมกันเป็นพรรคการเมืองก็เพื่อจะสนับสนุนหรือคุ้มครองผลประโยชน์ชองกลุ่มของตน เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นผู้นำและปกป้องชนชั้นกรรมาชีพ พรรคทอรี่ (พรรคคอนเซอร์เวตีฟของอังกฤษปัจจุบัน) ก็ถือว่ากันว่าเป็นพวกตัวแทนของชนชั้นราชาที่ดิน พวกขุนนาง เป็นต้น
1.3 ทฤษฎีอุดมการณ์หรือหลักการ (Ideological Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองกำเนิดขึ้นมาจากกลุ่มคนที่มีแนวความคิดหรืออุดมการณ์คล้าย ๆ กัน ความคิดเห็นอันนี้อาจเป็นความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐ  สังคม เศรษฐกิจ ศาสนาฯลฯ ก็ได้  เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ เป็นพรรคที่ยืดถือปรัชญาของมาร์กชิสม์ พรรคเลเบอร์ของอังกฤษ ยึดถืออุดมการณ์ของสังคมนิยม เป็นต้น


1.3 ทฤษฎีอุดมการณ์หรือหลักการ (Ideological Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองกำเนิดขึ้นมาจากกลุ่มคนที่มีแนวความคิดหรืออุดมการณ์คล้าย ๆ กัน ความคิดเห็นอันนี้อาจเป็นความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐ  สังคม เศรษฐกิจ ศาสนาฯลฯ ก็ได้  เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ เป็นพรรคที่ยืดถือปรัชญาของมาร์กชิสม์ พรรคเลเบอร์ของอังกฤษ ยึดถืออุดมการณ์ของสังคมนิยม เป็นต้น

1.4 ทฤษฎีทางการจัดองค์การ (Organizational Theories) ทฤษฎีนี้ถือว่าพรรคการเมืองเกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้นำทางการเมืองขึ้นแล้ว  และได้มีผู้นิยมหรือสนับสนุนผู้นำคนนั้นเป็นจำนวนมาก  เพราะเชื่อมั่นในคุณวุฒิ วิชาความรู้ ความสามารถ ฯลฯ และโดยความนิยมในตัวบุคคลนี้จึงทำให้เกิดมีพรรคการเมืองขึ้น  เพื่อจัดระเบียบการดำเนินงานและให้มีสายงานบังคับบัญชา  ก็คือการจัดเป็นองค์การขึ้นนั่นเอง  การเกิดขึ้น

ของพรรคในลักษณะนี้มักจะแตกสลายได้ง่ายเพราะเมื่อผู้นำสิ้นบารมีลงไป  พรรคอาจเลิกล้มไป  พรรคการเมืองซึ่งเกิดขึ้นเพราะความนิยมในบุคลิกของหัวหรือผู้นำนี้  เช่น  การเมืองในประเทศไทย เป็นต้น[1]
          ศาสตราจารย์ Maurice Duverger ชาวฝรั่งเศสเชื่อว่า พรรคการเมืองเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันทั้งในรัฐสภาพและนอกรัฐสภา กล่าวคือ


[1] รศ.วิทยา นภาศิริกุลกิจ, ดร. สุรพล ราชภัณฑารักษ์, พรรคการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.



































































































































          


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น