นโยบายต่างประเทศของรัฐต่างๆนั้นมีเป้าหมายดังนี้
1.เป้าหมายเพื่อการักษาสันติภาพ(peace)
2. เป้าหมายเพื่อการสร้างความมั่นคง(security)
3.เป้าหมายเพื่อการรักษาอำนาจ(power)
4. เป้าหมายเพื่อการรักษาความอุดมสมบูรณ์และการพัฒนาเศรษฐกิจ(prosperity
and economic development)
เป้าหมายเพื่อการรักษาสันติภาพ
ในปัจจุบันสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ได้แสดงให้เห็นว่า
การเมืองระหว่างประเทศมีความเป็นไปได้ทุกขณะที่จะใช้ความรุนแรง(violence)
อันได้แก่
การใช้กำลังอาวุธและกำลังทหารเป็นเครื่องมือในการระงับข้อขัดแย้งต่างๆดังจะเห็นได้จากวิกฤติการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ
เช่น สงครามอิรัก-อิหร่าน
สงครามระหว่างอิรักกับสหรัฐอเมริกา สงครามระหว่างกลุ่มประเทศนาโตกับประเทศอัฟกานิสถาน
ความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับเวียดนาม
รวมทั้งปัญหาชายแดนระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวกับประเทศไทย
ความขัดแย้งทางพรมแดนระหว่างกัมพูชากับประเทศไทย เป็นต้น เมื่อสถาการณ์เป็นเช่นนี้
รัฐต่างๆจึงพยายามดำเนินนโยบายต่างประเทศต่างประเทศโดยกำหนดเป้าหมายเพื่อการรักษาสันติภาพ
ดังจะเห็นได้จากมีการตกลงจำกัดอาวุธ(arms limitation) และลดอาวุธ(disarmament)
ตามกฎบัตรสหประชาชาติ
หรือมีการตกลงกันจำกัดการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างอดีตสหภาพโซเวียตกับสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นอภิมหาอำนาจที่สำคัญ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 เป็นต้นมา
รวมทั้งนโยบายการผ่อนคลายความตึงเครียด(Détente) ระหว่างอภิมหาอำนาจทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม
การเจรจาระหว่างอภิมหาอำนาจทั้งสองเพื่อจำกัดการสร้างอาวุธที่ร้ายแรงนั้นประสบผลสำเร็จบางอย่างเท่านั้น
จวบจนกระทั่งเกิดการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในทศวรรษที่ 1990
เป้าหมายเพื่อการสร้างความมั่นคง
นโยบายต่างประเทศของรัฐโดยทั่วไปจะคำนึงถึงความมั่นคงเป็นหลักสำคัญ
จะเห็นได้ว่านโยบายแผ่อิทธิพลและอำนาจของสหรัฐอเมริกาและอดีตสหภาพโซเวียตในภูมิภาคต่างๆของโลกนั้น
ก็เพื่อสร้างความมั่นคงในดุลยภาพของอำนาจระหว่างอภิมหาอำนาจทั้งสอง
หรือไทยต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบผูกมิตรกับสาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา
และประเทศในสมาคมอาเซียน
ก็เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยในกรณีที่เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับเวียดนาม
กัมพูชา(เฮง สัมริน) และลาวที่มีอดีตสหภาพโซวียดหนุนหลัง เป้าหมายของนโยบายต่างประเทศในแง่ของการสร้างความมั่นคงนี้
ในทางปฏิบัติดูเหมือนจะมีความสำคัญมากกว่าเป้าหมายเพื่อสันติภาพเสียอีก
เป้าหมายในการรักษาอำนาจ
การรักษาสถานภาพแห่งอำนาจ (status quo) เป็นเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งของนโยบายต่างประเทศ
ในทางปฏิบัติรัฐต่างๆจะรักษาอำนาจและฐานะของตนในเวทีการเมืองระหว่างประเทศมิให้ตกต่ำลง
ดังจะเห็นได้ว่า
สหรัฐอเมริกาและอดีตสหภาพโซเวียตต่างก็พยายามรักษาอิทธิพลของตนในภูมิภาคต่างๆรวมทั้งแข่งขันกันมีอิทธิพลในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย
ตัวอย่างเช่น นโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีเรแกนได้หันมาสร้างระบบแกนพันธมิตร
3 ฝ่าย อันประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรปตะวันตก(กลุ่มสนธิสัญญานาโต)
เพื่อประสานระบบความมั่นคงและรักษาอำนาจของสหรัฐอเมริกา
ในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศกำลังพัฒนานั้น สหรัฐอเมริกาจะเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวของสหรัฐอเมริกาโดยการลงทุน
การให้ความช่วยเหลือในรูปการให้กู้ยืมและการให้เปล่าตลอดจนการให้การสนับสนุนการรวมตัวกัน
เช่น สมาคมอาเซียน และตลาดร่วมยุโรป เป็นต้น
ส่วนอดีตสหภาพโซเวียตก็มุ่งสร้างดุลยภาพทางทหารและทางอาวุธให้ทัดเทียมกับสหรัฐอเมริกา
รวมทั้งมีบทบาทสนับสนุนสงครามปลดแอกในประเทศกำลังพัฒนามากยิ่งขึ้น
เป้าหมายเพื่อการรักษาความอุดมสมบูรณ์และการพัฒนาเศรษฐกิจ
เป้าหมายเพื่อการรักษาความอุดมสมบูรณ์และการพัฒนาเศรษฐกิจ
ในภาวะปัจจุบัน ปัญหาความแตกต่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่ด้อยพัฒนาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
ในรูปของปัญหาความยากจนและความอดอยากในประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย
ลักษณะเช่นนี้ได้ก่อความตึงเครียดในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ
โดยชาติอภิมหาอำนาจในสมัยนั้นต่างก็แข่งขันกันเพื่อมีอิทธิพล (sphere
of influence) ของตนในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย
ประเทศกำลังพัฒนาจึงได้ถูกแบ่งออกเป็นค่ายสังคมนิยมและค่ายเสรีนิยม
ซึ่งอันที่จริงแล้วประเทศกำลังพัฒนาที่อยู่ในค่ายเหล่านี้ ก็คือ ตลาดวัตถุดิบ
ตลาดแรงงาน และตลาดสินค้าของประเทศอภิมหาอำนาจนั้นเอง
ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาเหล่านี้ต้องพึ่งพิงกับประเทศมหาอำนาจตลอดไป
นอกจากนั้นประเทศมหาอำนาจต่างๆก็สามารถใช้แนวทางเศรษฐกิจต่างๆเพื่อการรักษาความอุดมสมบูรณ์และการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อผลทางเศรษฐกิจของตนอีกด้วย
เช่น การใช้นโยบายทุ่มสินค้า นโยบายปิดล้อม เป็นต้น
กล่าวโดยสรุป นโยบายต่างประเทศของรัฐย่อมมีเป้าหมายอย่างน้อย ภ
ประการดังที่กล่าวมาแล้ว อย่างไรก็ดี
เป้าหมายเพื่อการรักษาสันติภาพกลับเป็นเป้าหมายที่ถูกจำกัดในตัวเอง กล่าวคือ
เป้าหมายเพื่อการรักษาความมั่นคงและอำนาจของรัฐได้ทำให้การแสวงหาสันติภาพและความเป็นกลางทางการเมืองถูกบดบังลง
ในขณะเดียวกัน เป้าหมายเพื่อการสร้างความอุดมสมบูรณ์และพัฒนาเศรษฐกิจ
ซึ่งในทางปฏิบัติเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือทางทหารนั้นได้กลับกลายแนวทางของการแสวงหาประโยชน์ของประเทศผู้ให้มากกว่าที่จะเป็นการช่วยเหลือประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศพัฒนาเพื่อบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจดังกล่าว
อนึ่ง ยังได้มีการกำหนดเป้าหมายของนโยบายต่างประเทศไว้ในอีกลักษณะหนึ่ง
คือ เป้าหมายเพื่อการขยายอำนาจ (goals of national self-extension) เป้าหมายเพื่อการรักษาสถานภาพหรือความอยู่รอดของรัฐ(goals of
national self-preservation) และเป้าหมายเพื่อส่วนรวม(goals
of national self-abnegation) กล่าวคือ
1.นโยบายต่างประเทศที่ทีเป้าหมายเพื่อขยายอำนาจ ก็คือ
การเปลี่ยนแปลงจากสถานภาพเดิม(status quo) ได้แก่
เพื่อขยายอำนาจในทุกวิถีทาง การครอบครองดินแดนและประชาชนของรัฐอื่น
การเรียกร้องดินแดนคืน การสนับสนุนสงครามปลดแอกอย่างในอดีต เป็นต้น
2.นโยบายต่างประเทศที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาสถานภาพเดิม
ก็คือ นโยบายที่ยืนหยัดเพื่อสถานภาพเดิม ได้แก่
การปกป้องคุ้มครองและการป้องกันเอกราชของชาติและอธิปไตยในดินแดนของตน เป็นต้น
3.นโยบายต่างประเทศเพื่อส่วนรวม ก็คือ
การรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ส่วนรวม โดยลดผลประโยชน์ส่วนตัว ได้แก่ การสร้างสันติภาพ
การสร้างความเข้มแข็งและความเป็นระเบียบในทางการเมืองระหว่างประเทศ เป็นต้น
การที่เสนอแนวทางที่แตกต่างกันของเป้าหมายของนโยบายต่างประเทศก็เพื่อประสงค์ให้นักศึกษามีกรอบความคิดในการพิจารณาเป้าหมายของนโยบายต่างประเทศในลักษณะที่กว่างขวางขึ้น
อันจะเป็นปะโยชน์ในการศึกษาวิเคราะห์ต่อไป
แหล่งข้อมูล : เอกสารการสอนชุดวิชา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
โดย พระ จันทร์ธู แปต / อุทฺธํธมฺโม

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น